[Fic Attack on titan][Rivaille x Eren]นางไททัน//บทที่15

 

[Fic Attack on titan] นางไททัน

Paring : Levi x Eren

Rate    : PG-13 , รั่ว , ดราม่า(?)

Story   : blood_hana

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

บทที่ 15

 

 

เพลาในยามบ่ายแสกๆ โชคยังดีนักที่ฤดูกาลได้เข้าสู่เดือนเหมันต์ อากาศจึงไม่ร้อนนัก แสงแดดอ่อนๆลอดผ่านหมู่เมฆหมอกจางๆบนฝากฟ้าสีครามสวด กับสายลมหนาวเย็นๆพัดผ่านเป็นที่รู้สึกสบายกายและสบายใจแก่ชาวบ้านแดนสยาม รวมถึงพระยาเอลวินผู้สูงศักดิ์เช่นกัน…

 

ทว่า…ความหนาวเย็นนี่หาได้มากจากฤดูกาลเพียงอย่างเดียว…

 

 

เหงื่อกาฬที่ไม่น่าจะไหลย้อยกลับแตกพลั่กทั่วใบหน้าหล่อเหลาสุขุม จนเรือนผมสีทองสั้นไถเกรียนหลังชุ่มหมาด นัยน์ตาสีฟ้าคมเหลือบมอง…สหายร่วมรุ่นทหารที่เดินตรวจตราราชการด้วยกัน…

 

 

เป็นอย่างที่คาดเดาไว้…เรื่องเมียบ่าวเอเลนตั้งท้อง…คนเป็นสามีกลับรู้เรื่องเป็นคนสุดท้ายของเรือน

ยิ่งคนศักดิ์ศรีเยอะ ทิฐิแยะ แถมยังเอาแต่ใจ อย่างหลวงรีไวล์…มีหรือบ้านไม่แตก!!

 

 

บุรุษผู้ดำรงตำแหน่งยศทหารขุนหลวง..ชายร่างเล็กแต่กลับแข็งแกร่งกว่าใคร…ปกติก็มีชื่อเสียงในด้านนิสัยโหดร้าย เย็นชา  พูดจาขวานผ่าซากไม่เกรงน้ำใจคนอยู่แล้ว ตอนนี้อารมณ์ไม่ดียิ่งแล้วใหญ่…

น่ากลัว ทะมึน อึดอัดจนท่านพระยาอยากจะขอเดินแยกให้รู้แล้วรู้รอด…ถ้าไม่ใช่เรื่องงานนะ..เผ่นแล้ว!!

 

 

“เฮ้ย!!!!เอ็งคิดจะโกงเงินเบี้ยรึไอ้หางเปีย!!!!” รีไวล์ตวาดชักสีหน้าดุดันเมื่อหันไปเห็น..พ่อค้าต่างแดนกำลังเอารัดเอาเปรียบประชาชน…หากเป็นอารมณ์ปกติคงแค่ตะคอกคนก็กลัวหัวหดแล้ว..

 

 

ผัวะ!!!!

โครม!!!!!!!!!!!!!

 

 

เอลวินมองพ่อค้าชาวจีนหางเปียยาวโดนเตะกระเด็นปลิวตกน้ำพร้อมกับกระสอบใส่วัตถุดิบเครื่องเทศที่เจ้าตัวนำมาขาย…อนิจจา..เป็นโชคร้ายของเอ็งนักโดนตีนเข้าแล้วไหมเล่า!!!!!

“รีไวล์..ข้าว่าเอ็งไม่ต้องทำถึงเพียง…” กำลังจะปรามตักเตือนในฐานะหัวหน้า แต่ดวงเนตรสีดำคมตวัดมองมานั้น…ปากหนารีบหุบเม้มเก็บคำพูดทั้งหลายลงลำคอ กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

 

 

ถ้าไม่อยากให้เจ้าพระยาเป็นเพียงแค่ยศนำหน้า…อย่าแกว่งปากหาตีนหลวงรีไวล์จักดีกว่า..

 

 

ชาวบ้านเป็นหญิงวัยกลางคนจูงมือลูกสาว…สองชาวบ้านที่ถูกช่วยไว้ไม่ให้ถูกโกงกินนั้นแทนจะซาบซึ้งกลับขาสั่นพับๆไปนั่งกองกับพื้นก้มลงกราบเท้าคุณหลวงจอมโหดตัวสั่นเท้า ร้องห่มร้องไห้เสียอย่างนั้น…เอลวินลอบมองสหายที่สบถปากไม่พอใจ ไม่สนใจต่อท่าทีและสายตาผู้คนในตลาดค้าขายริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา คนหนุ่มผมสีดำตัดสั้นวัย 30 ปีซึ่งในอีก 2 เดือนข้างหน้าจะอายุ 31 ในไม่ช้าเดินก้าวฉับๆถือดาบคู่กายหัวเสียออกไปสวนทางผ่านร่างแม่ลูกทั้งสองอย่างไม่ใยดี ก่อนจะตะโกนเรียกคนที่ยศใหญ่กว่าให้รีบตามมา  ร่างสูงกำยำผมสีทองสั้นสะดุ้งโหยงวิ่งไล่ตามหน้าตาตื่น..จนลูกน้องยศนาย ยศหมู่เริ่มคิดสงสัยใครหัวหน้าใครลูกน้องกันแน่…

 

 

แต่…ก็พอจักเข้าใจอยู่…เวลาคุณหลวงรีไวล์โกรธ อารมณ์ไม่ดี

หน้าพรหมหน้าอินทร์ใหญ่คับฟ้าแค่ไหนพี่แกก็ไม่สนดอก

 

 

3วันแล้ว…ที่คุณหลวงรีไวล์หงุดหงิดงุ่นง่าน ขี้โมโหกว่าปกติ แถมยังกระทืบคนทุกๆ สามเพลาในแต่ละวันไม่ว่าจะทำผิดเล็กน้อยจนไปถึงเรื่องใหญ่ กลายเป็นที่เลื่องลือกันในหมู่ชาวบ้านว่าหลวงรีไวล์เป็นทายาทภูติผีปิศาจเสียอย่างนั้น..หากใครทำตัวไม่ดีจะลากไปกระซวกไส้บ้างล่ะ..กระทืบม้ามแตกบ้างล่ะ..

 

หากพวกชาวบ้านเหล่านั้นรู้เข้าว่าสาเหตุคือมีปัญหาหัวใจกับเมียบ่าว

มีหวัง..คงได้หัวเราะกันขำกลิ้งไปทั่วกรุงรัตนโกสินทร์..

 

 

.

.

 

“เฮ้อ…เสร็จเสียที…เรื่องเค้าก่อกบฏของเจ้าเมืองเชียวใหม่..” หลังจากเดินทางไปกล่าวคำรายงานต่อพระราชวังเสร็จสิ้น พระยาเอลวินในชุดราชปะแตนสีขาวเดินมากับหลวงรีไวล์ คนตัวสูงใหญ่ยืดเส้นสายเหยียดแขนบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยล้ากายา หน้าหล่อคมมองท้องฟ้า…ทั้งวันนี้ตามเวลาดำเนินการที่วางไว้ เวรตรวจริมแม่น้ำเจ้าพระยา…ระหว่างนั้นหลวงรีไวล์ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนข่าวสารกับสายลับที่ปลอมตัวในคราบชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า หรือแม้แต่คนเดินเรือเรื่องกบฏในเชียงใหม่ที่ยังคุกกรุ่นชวนตึงเครียดอยู่ว่าอีกฝ่ายจะเริ่มสงครามเมื่อใด…

 

 

เรื่องงานสืบข้อมูล..กำลังทหารพระยาเอลวินเชื่อมือหลวงรีไวล์กับขุนมิคาสะมากที่สุด..

 

 

ทว่า…ท่านขุนมิคาสะกลับย้ายไปประจำอยู่ที่เมืองกาญจนบุรีเสียอย่างนั้น ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า..รู้อีกทีก็นั่งเกวียนมาหาที่เรือนแล้วบอกลาเขาเมื่อวันก่อน..เสียดายกำลังทหารฝีมือดี แต่ก็ยังมีข้อดีอยู่..การให้คนเก่ง ซื่อสัตย์ กระจายตัวไปตามหัวเมืองต่างๆอาจทำให้พวกนั้นไม่กล้าแข็งข้อต่อองค์พระเจ้าอยู่หัว

นี่ถ้าขุนมิคาสะทำเรื่องย้ายช้าหรือเขารู้เร็วกว่านี้อีกซักนิดคงทำเอกสารขอรั้งตัว จะได้ไม่ต้องทนบรรยากาศทะมึนราวกับพายุฝนจากร่างบุรุษผมสีดำสั้นเพื่อนสนิทที่นับวันยิ่งทำตัวน่ากลัวไม่น่าเข้าไปทุกวัน

 

“นี่ก็เย็นเสียแล้ว..เอ็งสนใจจักไปเยี่ยมจหมื่นคีธกับแม่โคนี่กับข้าหรือไม่ เห็นว่าย้ายเข้าบ้านแม่โคนี่เสียแล้ว” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยชวน ชายผู้แข็งแกร่งผิดส่วนสูงจนน่าประหลาดใจพยักหน้าตอบ นั่นทำให้ทหารเพื่อนสนิททั้งสองในชุดราชปะแตนสีขาวกับโจงกระเบนสีน้ำเงินก้าวเดินออกไปตามทางที่ปูลาดยาวมุ่งสู่ร้านตีเหล็กชื่อดังในย่านริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ทั้งสองมาถึงเรือนไม้เล็กๆที่ติดถนนตัดผ่านสำหรับย่านการค้าขาย..เรือนยกใต้ถุนเตี้ยแบบชาวบ้านทั่วๆไป ฝีเท้าของบุรุษผู้เป็นทหารวัยใกล้ 40 แต่มีเมียเด็กรุ่นราวคราว 15 ปีเท่านั้น เดินออกมาในชุดเสื้อผ้าฝ้ายสีเทาผูกผ้าขาวม้าตารางหมากรุกสีแดงขาวกับโจงกระเบนสีน้ำตาล ใบหน้ามีริ้วรอยดุดันขึงขังโดยเฉพาะขอบตาที่ดำคล้ำเหล่านั้น..สำหรับจหมื่นคีธเองก็เป็นที่กล่าวขานเรื่องความหฤโหดโดยเฉพาะการฝึกทหารหน้าใหม่ทั้งหลายแลที่เจ้าตัวรับดูแลเรื่องนี้อยู่

 

“สวัสดีขอรับท่านพระยาเอลวิน คุณหลวงรีไวล์”

“ไหว้พระเถิดท่านจหมื่น..อีกอย่างข้าก็อายุน้อยกว่าท่าน ข้าต่างหากที่ต้องกล่าวสวัสดีท่าน”

พระยาเอลวินตอบทั้งรอยยิ้มสุภาพ ถึงอย่างไรเสียการมาให้คนอายุเยอะกว่าทักทายก่อนก็นับว่าเสียมารยาทแล้ว ส่วนคุณหลวงทำเพียงพยักหน้าเงียบๆตามนิสัย จหมื่นคีธยิ้มบางๆรอยยิ้มที่น้อยนักจะได้เห็นจากใบหน้าบึ้งตึง

 

“ท่านจหมื่น..ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อารมณ์ดีเชียวนะท่านตั้งแต่เป็นพ่อคนเนี่ย”

 

“ท่านพระยาก็พูดเกินไปขอรับ..” คนอายุมากกว่าหน้าขึ้นสีแดงจางๆบนแก้ม พยายามตีหน้าให้นิ่งเรียบทั้งๆเรียกรอยยิ้มขำขันของพระยาหนุ่ม กระทั่งเสียงใสกังวานของเมียเด็กลูกสาวร้านตีเหล็กดังจากด้านหลังทำให้การสนทนาของบุรุษทั้งสามหยุดลง  หญิงสาวร่างบอบบางแต่แขนมีกล้ามเล็กน้อยจากอาชีพตีดาบที่ร่ำเรียนจากบิดาเจอกันครั้งล่าสุดในวันนี้ทำให้สองหนุ่มรู้ว่าอีกฝ่ายดูอวบขึ้นมีน้ำมีนวลตรงท้องใต้โจงกระเบนสีม่วงเข้มนูนป่องเริ่มจับสังเกตุได้ นางผูกชุดกระโจมอกสีเขียวเรือนผมโกนจนเกรียนทัดดอกดาวเรืองไว้ข้างหูเดินออกมายิ้มต้อนรับ

 

“อ้าว!!คุณหลวงกับท่านพระยามาดอกหรือจ๊ะ!!เดี๋ยวฉันไปเตรียมข้าวปลากับน้ำมาให้นะจ๊ะ”

“โคนี่..เดี๋ยวข้าไปทำเอง เอ็งนอนพักเถิดกำลังท้องกำลังไส้” จหมื่นคีธหันไปเอ็ดภรรยาทำหน้าขึงขัง ทว่า..แทนที่เมียจะกลัวกลับพองแก้มป่องมุ่นคิ้ว “วันๆเอาแต่นั่งนอนกินฉันเบื่อนี่นา..”

ถึงจะบ่นอย่างไร..สุดท้ายคนเป็นเมียก็ต้องยอมสามีตามระเบียบ…แต่นางก็ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับขับสู้แขกยศสูงกว่าสามีอย่างดี..จัดหาที่นั่งซึ่งเป็นแคร่ไม้ไผ่หน้าร้าน

เพลาล่วงเลยมาจวบจนพลบค่ำท้องฟ้ามืดสนิทจนเห็นดวงดารา ต้องอาศัยความสว่างจากตะเกียงช่วยในการมองเห็นซึ่งวางไว้บนแคร่ไม้ไผ่ สามหนุ่มกับอีกหนึ่งสตรีนั่งตั้งวงสนทนากัน..แม้ว่าคนที่พูดมากเสียส่วนใหญ่จะเป็นพระยาเอลวินกับจหมื่นคีธและแม่โคนี่ ขณะที่หลวงรีไวล์เอาแต่พยักหน้ารับฟังเงียบๆตามวิสัยคนพูดน้อยต่อยหนัก

 

สุราถูกจัดเตรียม..หญิงสาวผมเกรียนสั้นใช้กระบวยตักสุราในไหที่ต้มเองกับมือรินให้แขกทั้งสองและสามี

“เห็นโคนี่ตีดาบเช่นนี้..ฝีมือการต้มเหล้าของนางเลิศรสมาก พวกท่านลองชิมดู” ชายวัย40หน้าขึ้นสีแดงระเรื่อหน่อยๆ พอเมามายเข้าไอ้ท่าทีเคร่งขรึมเริ่มหดหายมองเมียสาวตาหยดย้อยด้วยความรัก ฝ่ายหญิงเองพอสมตาก็ม้วนตัวเขินอาย…จนพระยาเอลวินรู้สึกว่าเหล้าขมเฝื่อนร้อนรสชาติดีไฉนถึงได้หวานแชล้มเช่นนี้

“ท่านจหมื่นก็พูดไป…ข้าก็แค่พอทำเป็นดอก”  กล่าวแล้วทุบอกแกร่งเบาๆหัวเราะคิกคักสองผัวเมีย..

 

 

มันน่าอิจฉา!!!!!  ชายยศพระยากู่ร้องในใจ อิจฉาตาร้อนสำหรับคนโสดแถมยังคนหาคนรักไม่ได้จนวัยล่วงเข้าเลขสามแล้วมันช่าง…..ว่าแล้วก็เมินความหวานแหววของสองสามีภรรยาไปยังเพื่อนสนิทเสียแทน…ทางหลวงรีไวล์เองยกถ้วยกระเบื้องขึ้นมาจิบสุราพลางมองคู่รักตรงหน้าไม่วางตา…

 

“จหมื่นคีธ”  มือแกร่งวางถ้วยสุราลงกับแคร่ คนที่เอาแต่เงียบทำเพียงพยักหน้าไม่ก็พูด ‘ อืม ‘ ตอบมาตลอดทำให้เสียงหัวเราะสนุกสนานรวมถึงการสนทนาหยุดลง

“เอ็งดูแปลกไปจากเดิม..จหมื่นคีธที่ข้ารู้จักเป็นคนหัวรั้น ดื้อด้าน แถมยังไม่เคยอ่อนโยนกับใครเหตุใดกันเอ็งถึงได้ดูอ่อนลงเพียงนี้”  คำถามนั้นทำเอาเอลวินเลิกคิ้วสูงไม่ต่างอะไรจากสองผัวเมีย  ชายยศจหมื่นกระพริบตาปริบๆสบตาสีดำคมกริบเบื้องหน้าครู่หนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ

 

“ข้ามิได้เปลี่ยนไปดอกคุณหลวง…ในเวลาทำงานข้าก็ยังเป็นจหมื่นคีธคนเดิมอย่างที่ท่านว่า..เพียงแต่…”  นัยน์ตาลึกโบ๋สีดำคล้ำก้มลงสบตาสีอ่อนของภรรยา แม่โคนี่ช้อนมองสบตาตอบต่างฝ่ายต่างยิ้มให้แก่กันมือวางทับประสาน ในขณะที่มืออีกข้างจับท้องที่เริ่มเค้านูนขึ้นเบาๆอย่างทะนุถนอม

 

“ข้าจะทำเช่นนั้นกับเมียของข้ามิได้..หากข้ายังนิสัยเช่นนั้นชีวิตคู่ก็คงหาได้มีความสุข”

 

“ยอมถอยหรือ?” คิ้วเรียวขมวดลงไม่เข้าใจ อคิติในใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวมา

“เอ็งเป็นบุรุษไฉนถึงยอมถอยหลังให้สตรี..”

 

“คุณหลวงขอรับ…จริงอยู่ที่บุรุษเช่นเราเป็นช้างเท้าหน้าสตรีเป็นช้างเท้าหลัง ทว่า..ชีวิตคูและความรักเมื่ออยู่ร่วมกันหากต่างฝ่ายต่างไม่ยอมถอยออกมาคนละก้าว ไม่หันหน้าเข้าหากัน ยึดแต่เพียงทิฐิ..สุดท้ายก็ต้องแตกหัก”   เสียงทุ้มมักกรรโชกโฮกฮากชวนสะดุ้งแลดูอ่อนโยนลงเห็นได้ชัดยิ่ง..อีกฝ่ายกุมมือเมียสาวไว้แนบแน่น โคนี่เองก็ยิ้มตอบพร้อมกับพวงแก้มขึ้นสีชมพูจางๆทั้งประทับใจตื้นตัน

 

“การที่เราอ่อนข้อยอมงอนง้อเสียบ้าง..ข้าคิดว่ามิใช่เรื่องผิดอันใด..ในเมื่อนางเป็นคนพิเศษสำหรับข้า” สองสามีภรรยาละสายตากันและกัน สบตาคู่คมนิ่งสนิทจนคาดเดาความคิดไม่ออก รอยยิ้มจริงใจ..รอยยิ้มบนดวงหน้าของแม่โคนี่อาจได้เห็นบ่อย แต่รอยยิ้มของชายยศจหมื่นคงเป็นอะไรที่ยากนักจะได้เห็น…

 

 

“การที่เราจะง้อคนรักเสียบ้าง..มิใช่เรื่องแปลกอันใดขอรับคุณหลวง..ชีวิตคู่ก็เป็นเช่นนี้แลขอรับ”

 

 

.

.

.

 

 

เวลาล่วงเลยเข้าสี่ทุ่มกว่า ควรแก่การจากลาพระยาเอลวินโบกมือลาสองสามีภรรยาคู่ใหม่ปลามันที่ออกมายืนส่งหน้าเรือนไม้ควบร้านตีเหล็ก ชายวัยกลางคนมีเมียอายุน้อยคราหลานโอบเอวภรรยาแสนรักไว้ โค้งสุภาพบอกลาทหารยศสูงกว่าทั้งสองคน

เดินออกห่างจากร้านตีดาบของบิดาแม่โคนี่มาซักระยะแล้ว…นัยน์ตาเรียวสีฟ้าลอบมองใบหน้าครึ่งซีกนิ่งไร้อารมณ์ที่เอาแต่เงียบมาตลอดหลังจากที่เจ้าตัวเปิดปากถามเรื่องชีวิตคู่ของจหมื่นคีธ

 

 

รู้ดี…ว่าถามไปเพื่อสิ่งใด…

 

 

ความอึดอัดทะมึนเหล่านี้กลับมาอีกครา..ทั้งที่คิดว่าจะพามาเยี่ยมลูกน้องทหารเพื่อสังสรรค์หวังว่าจะคลายตะกอนขุ่นในใจของคุณหลวงรีไวล์ได้ ไม่รู้ว่าหลังจากฟังคำของจหมื่นคีธไป ชายร่างเล็กผมสีดำสนิทตัดสั้นมีความคิดเห็นเช่นไร…

 

“รีไวล์..ข้าว่า..”

 

“ข้าขอแยกกลับตรงนี้ เดินทางดีๆ”  เสียงทุ้มห้วนตัดบทแล้วเดินตรงไปยังท่าเรือริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไฟจากคบเพลิงส่องสว่างฉายฉาบให้เห็นเรือไม้พายของอีกฝ่าย ซึ่งจอดรอริมท่าโดยตาชุ่มทาสรุ่นเก่าของหลวงรีไวล์ที่พระยาเอลวินก็รู้จักมานานโข  คนตัวสูงผมสีทองสว่างได้แต่ถอนหายใจมองแผ่นหลังกว้างใหญ่หนักแน่นแข็งแกร่งของอีกฝ่ายลงเรือออกไปจนลับสายตาในแม่น้ำเจ้าพระยาทอดยาวสีดำสะท้อนท้องฟ้าและดวงดาราในเดือนหนาว

 

“สุดแล้วแต่เอ็งเถิดสหาย”  เป็นเพียงคนนอกที่ได้แต่ภาวนาให้เพื่อนสนิทยอมเปิดใจเสียบ้าง แม้ว่า..รู้ดีแก่ใจว่าการเปลี่ยนความคิดคนหัวแข็งยิ่งกว่าหินยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาเสียอีก

 

 

.

.

.

 

 

 

ยายสร้อยกำลังเช็ดถูพื้นไม้ ณ ห้องโถงกว้างกับอีแจ๋วทาสสาววัยกลางคนหน้าตาขี้เหร่ฟันดำผิวคล้ำแต่ซื่อสัตย์ ขยันทำงานการ จนได้มารับใช้บนเรือนใหญ่ ผ้าขี้ริ้วชุบน้ำในถังไม้บิดจนหมาดแล้วเริ่มคลานถูพลัดกันคนละครึ่งทางอีกระลอกเพื่อให้สะอาดเนี้ยบที่สุดอย่างที่นายเหนือหัวอย่างคุณหลวงรีไวล์พึงพอใจ

“อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะคุณหญิง” ทาสทั้งสองละมือจากงานมากราบหญิงสาวร่างสูงโปร่งผมสีน้ำตาลมัดรวมปักปิ่นทองในชุดสไบสีชมพูอ่อนกับโจงกระเบนสีฟ้าเทา เดินออกมาจากห้องนอน หญิงสาวยิ้มรับทักทายทาสทั้งสองแล้วสอดส่ายตามองหาใครบางคนที่ปกติมักตื่นเช้าแล้วมานั่งรอสำรับอาหารเช้าที่เก้าอี้ประจำในห้องโถงกว้าง แม้ว่าจะเป็นวันหยุดราชการเช่นวันนี้

 

“คุณหลวงยังไม่ตื่นอยู่ดอกรึ?”  ฮันซี่เอ่ยถามอย่างสงสัย

“ตื่นแล้วเจ้าค่ะ..แต่ลงจากเรือนไปซักพักแล้ว” นางแจ๋วตอบ ยิ่งสร้างความฉงนสนเท่ห์แก่สตรีผมสีน้ำตาลสวมแว่น เธอเลิกคิ้วสูงถามทวนอีกฝ่าย “ลงจากเรือน?ไปไหน?นี่มันจวนจะเพลาสำรับเช้าแล้ว”

“บ่าวเองก็ไม่ทราบเจ้าคะ”  กล่าวตอบด้วยวาจาสุภาพอ่อนน้อมอย่างผู้น้อยถ่อมตน คุณหญิงฮันซี่พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตปล่อยให้ทำงานกันต่อ นัยน์ตาสีน้ำตาลหลังแว่นทรงกลมหรี่ลงมือยกขึ้นจับคางครุ่นคิด

 

แปลก…ปกติไม่เคยทำอะไรผิดกิจวัตรประจำวันเช่นนี้…

 

หรือว่า!!!?

 

คิดเช่นนั้นแล้ว ปากเรียวสวยอมยิ้มขำขัน ถ้าเป็นอย่างที่เธอคาดเดาล่ะก็ งานนี้คงได้เห็นอะไรสนุกเป็นแน่…

 

 

 

.

.

 

 

เหล่าทาสชรารวมถึงทาสวัยกลางคนบางกลุ่มที่ทำงานบนเรือนใหญ่เริ่มทยอยจัดเรียงสำรับกันออกไปขึ้นเรือนใหญ่ด้วยภาชนะกระเบื้องลายครามสวยงามสมราคา ชวนลิ้มลองน่ารับประทานยิ่งนัก..ขณะเดียวกันนั้น อาหารบางส่วนยังไม่เสร็จดีก็ต้องเร่งมือให้ทันโดยที่ออกมามีรสชาติหน้าตาสวยงาม

“อีอาร์มินไปตัดกระถิ่นมาเพิ่มที”

“จ้ะ!!” ทาสสาวผมสีทองสว่างยาวประบ่าขานรับละมือจากหม้อดินที่กำลังเดือดส่งกลิ่นหอมพริกเครื่องต้มยำ โดยที่มีทาสสาวนางอื่นมารับช่วงต่อแทน สตรีร่างบอบบางในกระโจมอกสีม่วงอ่อนวิ่งไปหยิบเอามีดเล็กหลังครัวเรือนแล้ววิ่งไปยังสวนครัวหลังฉากไม้ไผ่มองหาต้นกระถื่นที่ยังกิ่งอ่อนไม่แข็งจนเกินไปแล้วลงมือตัดมาในจำนวนพอกับสำรับมื้อเช้า

 

“อีส้ม!!!หม้อเดือดแล้วเอ็งรีบลดฝืนเสี..ตาเถร!!!!” ทาสวัยกลางคนหัวงานครัวเรือน ณ ปัจจุบันอย่างป้าแดงร้องตกใจราวกับเห็นผี ทำเอาเหล่าทาสที่กำลังมือเป็นพัลวันต้องหันมาเอ็ดตะโรใส่

“อะไรของเอ็งวะอีแด…ว้าย!!!ค..คุณหลวง!!!!” เหล่าทาสทั้งหลายตะลึงพรืดหน้าซีดเผือด ไม่คิดว่าชีวิตนี้ทั้งชีวิตของคนงานครัวจักได้เห็นหน้านายเหนือหัวตัวเป็นๆต่อหน้าต่อตา  ทาสสาวน้อยบางคนที่เคยแต่ได้ยินแต่ชื่อเสียงเรียงนามพอพบเจอกับตัวจริง…ชายหนุ่มที่ส่วนสูงน้อยกว่าบุรุษทั่วไปแต่กลับมาไหล่ที่กว้างอกพายไหล่พึ่งสมชายชาติทหารแม้อยู่ในชุดผ้าฝ้ายสีฟ้าอ่อนกับโจงกระเบนสีน้ำตาลยังสง่างามไม่คลายจน ประกอบกับใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มประดุจดาบ ไหนจะดวงเนตรสีดำเรียวคมอีก…

 

หลงใหล..ได้แอบลอบมองด้วยความเคลิ้มระทวยหัวใจ…ม้วนตัวเหนียมอายเป็นแถวๆเมื่อสายตานั่นกวาดมองสบตา…

 

“ค…คุณหลวงมีอะไรให้ พ..พวกอิฉันช่วยรึเจ้าคะ?” ป้าแดงถามเสียงสั่น รวบรวมความกล้าประกอบกับเป็นหัวหน้างานใหญ่ที่สุด เสี่ยงคลานไปกราบถามสาเหตุการมาเยือนเรือนครัวถึงนี่

จังหวะนั้นเอง..อีอาร์มินถือยอดกระถิ่นอ่อนกำลังจะเดินเข้ามา..ทาสสาวสินไถ่สัมผัสได้ว่าเรือนครัวแลดูเงียบสงัดจนได้ยินเสียงไอน้ำจากหม้อเดือดปุดๆ

 

 

ชัก..ไม่ชอบมาพากล?

จึงย่องเดินเข้าไปแอบซ่อนหลังตุ่มใส่น้ำชะโงกหน้าดู…

 

“ค…คุณหลวง!!!!”  อีอาร์มินอุทานเสียงกระซิบตกใจหน้าตาตื่น ดีที่ตำแหน่งโอ่งอยู่หลังครัวค่อนข้างไกลจากจุดที่นายเหนือหัวยืนอยู่นักเลยไม่ได้ยิน…หน้าคมคายแสนเย็นชาสอดสายตาไปรอบๆครัวเรือน..

 

 

ราวกับ…กำลังหาอะไรบางอย่าง…

หรือว่า…หาใครบางคน?

 

 

ด้วยความเป็นคนฉลาดจึงเข้าใจได้ในทันที นัยน์ตาสีฟ้ากลมโตเบิกกว้าง ถ้าเป็นเช่นนั้นล่ะก็..ขาเพรียวใต้โจงกระเบนสีหม่นเก่ารีบสับวิ่งออกไปโดยพลัน!!

 

สายลมหนาวเย็นยาวเช้าสายๆพัดผ่านต้องผิวขาวนวลอมชมพูให้ขนลุกชันจนต้องยกมือขึ้นมาลูบต้นแขน ทาสสาวแรกรุ่นนั่งแกว่งอยู่ริมท่าเรือ สถานที่ประจำของเธอดวงเนตรสีเขียวมรกตกลมโตช้อนมองท้องฟ้าขึ้นหมอกจับยามเช้าบดบังแสงอาทิตย์อบอุ่นเอาไว้

 

“อีเอเลน!!ใยมาตากลมเช่นนี้ เกิดไม่สบายจักเป็นเช่นไรกำลังท้องกำลังไส้อยู่แท้ๆ” เสียงทุ้มห้วนเอ่ยเชิงว่ากล่าวตักเตือนพร้อมกับเรือไม้ที่พายเข้ามาเทียบฝั่ง ท้ายเรือเต็มไปด้วยอวนจับปลาหลายสิบตัวสดๆกำลังดิ้นพล่านเอาชีวิตรอด ไอ้แจนทาสหนุ่มเพื่อนสนิทก้าวขึ้นโยนผ้าขาวม้าที่พาดคออยู่ใส่หัวเพื่อนสาว แล้วก้มลงไปผูกเรือกับเสาไว้

 

“ก็..ข้าเบื่อนี่นาไอ้แจน..ไม่มีใครแจกงานให้ข้าเลย วันๆมีแต่นั่งๆนอนๆไหนจะถูกห้ามกินนู้นนี่อีก รวมถึงต้องฝืนกินยาบำรุงของท่านหมอมิเกะอีก”  อีเอเลนบ่นยาวพรืดพร้อมถอนหายใจ

 

“เอ็งมันพิลึก ใครๆเขาก็อยากสบายเหมือนเอ็งทั้งนั้น กลับอยากทำงานหลังคดหลังงอ”

 

คนหนุ่มผมสีอ่อนเกาศีรษะเหน็บแนมเพื่อนสาว อดีตรักแรก..ความรักที่ตัดใจได้แล้วและกลับไปเป็นความรู้สึกฉันท์เพื่อนเหมือนสมัยเด็กๆ บุรุษร่างสูงทรุดนั่งลงข้างๆอีกฝ่ายมองใบหน้าสวยกับร่างเพรียวบางที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นจากการตั้งครรภ์กับคุณหลวงรีไวล์  แก้มใสอมชมพูพองขึ้นไม่พอใจกับคำพูดของเพื่อนสนิท แต่ก็หาได้โกรธเคืองอันใด  ระหว่างนั้นดวงเนตรกลมโตใต้ขนตาแพยาวสังเกตเห็น..กระทงใบตองเล็กๆในมือหยาบเต็มไปด้วยดอกมะลิสีขาวสวยส่งกลิ่นหอมอ่อนๆสดชื่นใจ

 

“วันนี้ก็เก็บดอกมะลิมาให้อาร์มินอีกแล้ว”

“อ..เออ!!!เอ็งจักพูดย้ำทำไม!!ล…เลิกทำหน้าแบบนั้นเสียที!!!” ไอ้แจนหน้าแดงช้ำไปถึงใบหู พอเห็นคนข้างๆแซวไม่พอยังหัวเราะร่าเสียงดังส่งสายตามีกระลิ้มกระเหลี่ยหยอกล้ออีก คนหนุ่มยิ่งโวยวายกลบเกลื่อนความอายเข้าไปใหญ่ ก่อนจะ..มานั่งไหล่ห่อถอนหายใจเฮือกใหญ่..กริยาเช่นนั้นสร้างความฉงนแก่ทาสสาวเรือนผมสีน้ำตาลสั้นยิ่งนัก  “ไอ้แจน..เป็นอะไรรึ?”

“เฮ้อ…”  พอได้ยินคำถามถึงสาเหตุก็ยิ่งถอนหายใจหนักกว่าเก่า  ดวงเนตรสีอ่อนหลุบลงมองดอกมะลิในมือที่วางอยู่บนตัก “ข้าว่า..อีอาร์มินกำลังหลบหน้าข้าเป็นแน่..นี่ก็ผ่านมาร่วมอาทิตย์แล้ว”

 

“ไม่ดอก…อาร์มินงานยุ่ง เจ้าก็รู้มิใช่หรือว่าพอพวกพี่เรียมออกไปงานครัวก็ขาดลูกมือไปเยอะ”

“ข้ารู้..อีเอเลน..เพียงแต่ข้าไปหาทุกๆที่ ที่อีอาร์มินทำงานอยู่ พอไปถึงทีไรก็ไม่เคยพบเจอซักครา..ราวกับรู้ว่าข้าจักมาหา..”  กล่าวละเหี่ยหัวใจ เริ่มรู้สึกสิ้นหวังท้อแท้..ถึงจะพยายามคิดในแง่ดีว่างานล้นมือ แต่ก็อดน้อยใจเสียไม่ได้

 

“หรืออีอาร์มิน..รังเกียจข้า”

“ไม่มีทางดอกไอ้แจน!!คนดีเช่นเจ้าอาร์มินไม่มีวันรังเกียจเดียดฉันท์ดอก เชื่อข้าสิ!!” เอเลนตบบ่าบีบไหล่ให้กำลังใจเพื่อนสนิทอีกหนึ่ง การปลอบใจ..ที่น้อยนักผู้หญิงจะทำ อีเอเลนถึงจะท้องมีลูกแล้วก็ยังคงนิสัยห้าวหาญไม่แพ้ผู้ชายตามเคย  ปากหนาเค้นยิ้มเหนื่อยใจแต่ก็กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายสำหรับกำลังใจ

 

 

“หวังว่าดอกมะลิครานี้..ข้าคงไม่ต้องปล่อยทิ้งลงคลองให้ลอยละล่องอีก” ภาวนาอยากพบเจอซึ่งนางในดวงใจ  อีเอเลนยิ้มบางตบหลังเพื่อนเต็มแรงดังป้าบ!!จนไอ้แจนตัวโยนครางร้องระบมมือไผล่ไปจับหลังที่ชาวาบ

 

“อีเอเลน!!มันเจ็บนะโว้ยยย”

“ก็เจ้าอยากห่อเหี่ยวทำไมเล่า!!เอาน่าไอ้แจน..คนดีๆอย่างอาร์มินหาไม่ได้ง่ายๆ อย่าท้อถอยสิ” ยักไหล่แลบลิ้นไม่สนใจคนที่นั่งหลังงอชักสีหน้าเหย่เกร้าวหลังที่ขึ้นรอยแดงเป็นฝ่ามือของเพื่อนสาวทะโมนจอมซน

 

 

“เอเลน!!!!!!!!!!!”  เสียงตะโกนไล่หลังเรียกนาม ทำให้ทั้งสองหันไปมอง

“อีอาร์มิน!!”  คนหนุ่มผมสีอ่อนแทบจะยิ้มแก้มปริ ในที่สุด..ก็ได้พบเจอกันเสียที ตื่นเต้นสุขใจล้นทะลักแทบหลุดจากอก  ในขณะที่ดวงเนตรสีฟ้าใต้เรือนผมสีทองสว่างสะท้อน..ภาพของเพื่อนสนิททั้งสองนั่งเคียงคู่ริมท่าเรือ..ปวดร้าวราวกับเข็มทิ่มแทงหัวใจจนรู้สึกทรมานเจียนน้ำตาไหล

 

 

ไอ้แจน..อยู่กับ..เอเลน…

 

 

ทว่า…เรื่องนั้นไม่สำคัญช่างมันก่อน…ที่สำคัญกว่าคือเขาต้องรีบมาเตือนเพื่อนสนิททาสสาวแสนใส่ซื่อให้รู้ในสิ่งที่อีอาร์มินคาดการณ์ไว้  อีเอเลนลุกขึ้นยืนมองอีอาร์มินที่วิ่งมาถึงท่าเรือ เลิกคิ้วสูงชักสีหน้าฉงนสงสัย

“เป็นอะไรไปอาร์มิน เหตุใดวิ่งหน้าตาตื่นเชียว?” ถามไถ่ มองทาสสาวผมทองที่เท้ามือกับเข่าหายใจหอบโยน ก่อนจะยืดตัวขึ้นปาดเม็ดเหงื่อที่ชุ่มหน้าสบตาสีมรกตที่เต็มไปด้วยคำถาม แต่ไม่แม้แต่สบตาคู่คมของไอ้แจน ชายหนุ่มกำลังรวบรวมความกล้าเพื่อพูดสิ่งที่อยู่ในใจกับเพื่อนสาวผมทอง ทว่า..กลับถูกอีกฝ่ายตัดบทเสียก่อน

 

“เอ..เลน..เกิด..เรื่องใหญ่แล้ว…คุณหลวง..คุณหลวงกำลังจะมาที่แห่งนี้”

 

สิ้นคำกล่าว ไอ้แจนอ้าปากค้างตะลึงพรืดตาโตเท่าไข่ห่าน ขณะเดียวกันหญิงสาวผมสีน้ำตาลสั้นหน้าซีดเผือกราวกับไก่ต้ม ปากอิ่มสีชมพูระเรื่อสั่นระริก “ค..คุณหลวง..นะหรือ?”

“ถ้าข้าเดาไม่ผิด..คุณหลวงอาจจะตามหาเอเลน..เดี๋ยว!!เอเลนเจ้าจักไปไหน?” อาร์มินร้องตกใจเมื่อทาสสาวผมสีน้ำตาลทำท่าจะวิ่งหนีออกจากท่าเรือ เลยคว้าจับข้อมือไว้

“ม..ไม่!!ข้าไม่อยาก..ฮึก..ไม่อยากเจอ ค..คุณหลวง..ข้าไม่พร้อม..” สะอื้นฮักๆทั้งน้ำตาปริ่ม ทาสสาวผมสีทองสัมผัสได้ถึงแรงสั่น..จากข้อมือของอีกฝ่าย..

 

 

กลัว…ถึงเพียงนี้เชียวหรือ..เอเลน..

 

 

ไอ้แจนและอีอาร์มินคิดพร้อมกัน ทั้งสองมองทาสในเรือนเบี้ยที่ตั้งท้องนายเหนือหัวได้แต่ตัวสั่นน้ำตาคลอ  ที่ผ่านมาตลอดเวลาหนึ่งเดือน..อีเอเลนพบเจออะไรบ้าง…ต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใดกันแน่?

“แต่เอ็งเป็นเมียคุณหลวงและก็มีลูกกับท่าน..อีกอย่างหากคุณหลวงกำลังมาที่แห่งนี้ ก็ไม่ที่ใดให้เอ็งหนีได้ดอก” ไอ้แจนกล่าวย้ำเตือนสติ นับเส้นทางแล้วท่าเรือถือเป็นทางตันสำหรับเขตแดนเรือนทาส ไม่ว่าจะหนีไปหลบที่สวน ที่เรือนทาส  ก็ต้องผ่านเส้นทางเรือนครัวอยู่ดี…

 

 

“ข้า..ไม่อยากเจอ..ไม่อยาก..ทนเจ็บปวดเช่นนั้นอีก”  เสียงหวานกระซิบแผ่วเบา กอดตัวเองแน่นจนเล็บจิกแขนตัวเอง..เจ็บแต่ก็มิอาจเจ็บเท่าหัวใจ…

 

รู้…ว่าไม่มีทางหนีรอด..

รู้…ว่าทุกครั้งที่เผลอไผลก็อดนึกถึงใบหน้า น้ำเสียง อ้อมกอดอบอุ่นนั่นเสียไม่ได้…

 

“การเป็น…ได้เพียงตัวแทนของใครบางคน..พวกเจ้าไม่รู้ดอกว่ามันทรมานเพียงใด”  กล่าวต่อทั้งน้ำตาไหลรินอาบแก้มใส เป็นได้เพียงตัวแทนหม่อมเจ้าเพทร่าแม้ว่าจะตายจากไปก็ยังไม่อาจเทียบค่า

เจ็บปวด…ยิ่งรู้ว่าสัมผัสเหล่านั้น..เป็นเพียงแค่ตัวแทนสำหรับใครบางคน

 

 

 

 

“อยากออกไปจากเรือนใหญ่..ออกไปจากชีวิตข้าดอกรึ”

“ถ้าคิดเช่นนั้น..ก็ไสหัวออกไปจากเรือนใหญ่เสีย!!กลับไปอยู่ในเรือนทาสเป็นอีแก่แร้งทึ้งไปจนตายก็สุดแล้วแต่เอ็ง!!

 

คำพูดของคุณหลวงรีไวล์ด้วยน้ำเสียงทุ้มเย็นชาหาได้ลังเล..วาจากรีดแทงหัวใจเช่นวันนั้น อีเอเลนผู้ต้อยต่ำไร้ค่าผู้นี้ไม่อยากเจออีกแล้ว

 

 

 

“คุณหลวงจะไปที่ท่าเรือดอกรึขอรับ?”

แว่วเสียงของเหล่าทาสบุรุษรวมถึงเสียงฝีเท้า..เข้าโสตประสาทของทั้งสามเกลอ แม้จะยังไม่เห็นเงาของนายเหนือหัว..แต่เสียงฝีเท้าที่ย่ำเดินชัดเจนขึ้นเรื่อยๆแสดงว่าใกล้เข้ามาทุกที

“อีเอเลน!!เอ็งจะทำอะไร!!เฮ้ยย!!!!”  ทาสหนุ่มผมสีอ่อนตัวสูงร้องเสียงหลงตกตะลึง เมื่อแขนอรชรสะบัดหลุดจากมืออีอาร์มินแล้วทำในสิ่งที่พวกเขาทั้งสองไม่คาดคิด!!!!

 

.

.

 

ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์เดินเอามือไพล่หลังมาจนถึง…ท่าเรือสถานที่สุดท้ายในเขตเรือนทาส ก้าวมาพร้อมกับตาชุ่มและนายมั่นทาสหนุ่มที่ติดสอยห้อยตามอีกฝ่ายบ่อยครั้ง ตาคู่คมมองท่าเรือที่ค่อนข้างโล่งเตียนจะมีก็เพียง…

 

“สวัสดีขอรับคุณหลวง”

 

ตาคาคมหลุบมอง…ทาสหนุ่มสาวอายุรุ่นน่าจะราวๆ 15-16 ปี บุรุษตัวสูงผิวเกรียมแดดบางส่วนจากการทำงานนั่งคุกเข่ากราบพร้อมกับ..ทาสสาวแรกรุ่นผมสีทองตัวเล็กบอบบางใบหน้าหวานน่ารักเข้ากับดวงเนตรสีฟ้าใสกลมโตใต้ขนตาแพยาว

 

หลวงรีไวล์หรี่ตาพิศมองหน้าตากับสีผมของไอ้แจน…มันช่าง..คับคล้ายคับคลากับ…

 

“เฮ้ย!!เอ็งเป็นอะไรกับไอ้ฮาเนส” เอ่ยถามทั้งเสียงทุ้มห้วนติดดุดัน ทำเอาไอ้แจนที่ทำใจกล้าสู้เสือกราบสวัสดีสะดุ้งโหยง ปากหนาเม้มแน่นจนเป็นเส้นสะกดความกลัวไว้แล้วค่อยๆเปิดปากตอบโดยไม่สบตาอีกฝ่ายตามมารยาทผู้น้อยควรกระทำ “กระผมเป็น..ล..ลูกขอรับ ชื่อไอ้แจนขอรับคุณหลวง”

“โห..งั้นรึ” พยักหน้าเข้าใจ..มิน่าเล่าถึงว่าหน้าคุ้นๆ ก่อนจะเหลือบตามอง..ทาสสาวผมทองยาวประบ่าสีผมกับสีตานั่นก็ช่างคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหน ไอ้แจนสัมผัสได้ว่า..นายเหนือหัวกำลังมองอาร์มินเขาอดใจร่วงไปถึงตาตุ่มเสียไม่ได้

 

อย่าบอกนะ..ว่าจะ…

 

 

หมับ!!!!

 

“!!!!!!” อีอาร์มินสะดุ้งตาโตมองมือแกร่งที่จู่ๆกลับคว้าจับมือบอบบางของเธอไว้บีบแน่น ร่างบอบบางที่นั่งพับเพียบนอบน้อมกราบเคารพนายเหนือหัว อดหน้าขึ้นสีเสียไม่ได้…แม้แจนจะก้มหน้าลงต่ำจนอีกฝ่ายไม่อาจเห็นแววตาแข็งกร้าวที่เก็บซ่อนเอาไว้…

 

ไม่ยอม..จะไม่ยอมยกดวงใจดวงนี้ให้ใครเป็นอันขาด!!!

 

อาร์มินรู้สึกเขินและละอายใจ การที่ผู้หญิงปล่อยให้ชายหนุ่มที่ไม่ใช่คนรักมาแตะเนื้อต้องตัวถือเป็นเรื่องไม่งาม..ทว่าหัวใจจะเต้นตูมตามรู้สึกดีที่คนที่แอบรักจับมือถือแขน..รู้สึกร้อนมือไม้ไปเสียหมดทั้งที่ควรดึงมือออกแต่กลับ…ไม่ยอมขยับเสียนี่

 

“ค..คุณหลวงมาที่แห่งนี้มีอันใดหรือเจ้าคะ”  อาร์มินถามถึงวัตถุประสงค์ ทั้งที่เดาได้และรู้อยู่แล้วว่ามาด้วยเรื่องเหตุอันใด

“ข้ามาเดินเล่นไม่ได้หรืออย่างไร” ตอบกลับทั้งเสียงเคืองๆ เสียงทุ้มที่กดต่ำทำเอาทาสหนุ่มสาวทั้งสองอดใจสั่นเสียไม่ได้ กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก…สันหลังวาบกลัวโดนลงโทษ..นี่ยังไม่นับหากถูกจับได้ว่ากำลังปิดบังอะไรอยู่…

 

ว่าแล้วไอ้แจนก็อดหลุบตาลงมองน้ำในคลอง…ใครจะรู้ว่าใต้แผ่นไม้กระดานต่อเป็นท่าเรือที่พวกเขาและคุณหลวงกำลังยืนอยู่นั้น  เป็นสถานที่ซ่อนตัวชั่วคราวของอีเอเลน…หญิงสาวเม้มปากแน่นพยายามอย่างยิ่งที่จะกลั้นเสียงและลมหายใจเอาไว้ ทำตัวนิ่งแข็งจนเมื่อยล้าไปทั่วร่าง ลอยตัวในน้ำเกร็งลีบ

“บ..บ่าวขออภัยแทนอีอาร์มินด้วยขอรับ อย่าโกรธนางเลยขอรับ” ออกปากขอโทษแทนทาสสาวผมทองสว่าง ผงกหัวลงต่ำแทบหน้าผากแตะพื้นไม้กระดาน  ดูเหมือนหลวงรีไวล์จะไม่ติดใจโมโหอะไรจึงโล่งอกไปเปราะหนึ่ง ดวงเนตรสีดำคมพยายามที่จะกวาดตามองไปรอบๆเหมือนควานหาอะไรบางอย่างจริงๆอย่างที่อีอาร์มินเดาไม่มีผิดเพี้ยน..

 

“เอ็งอยู่กันเพียงสองคนหรือ” บุรุษเจ้าของเรือนผมสีดำตัดสั้นถาม ไอ้แจนกับอีอาร์มินพยักหน้าขานตอบรับทั้งๆที่รู้แก่ใจว่ากำลังโกหกหลอกลวงอีกฝ่าย..

“เช่นนั้นรึ” คุณหลวงย้ำไม่เลิกรา

“เจ้าค่ะ..บ่าวกับไอ้แจนอยู่กันเพียงสองคน” เสียงใสกังวานเอ่ยโต้ตอบ ปากสีชมพูระเรื่อเม้มแน่นจนเป็นเส้น..แน่นจนเริ่มบวมเบ่งกับความรู้สึกกดดันเหล่านี้..ทั้งที่ยังมีมือแกร่งหนาอบอุ่นของไอ้แจนคอยบีบให้กำลังใจอยู่ข้างๆยังพอช่วยให้ใจชื้น   ดวงเนตรคมกริบสีดำมองทาสทั้งสองสลับไปมาครู่หนึ่ง..เงียบไม่ยอมเอ่ยเอื้อนอะไร แม้แต่สีหน้าแสนเรียบเฉยนั่น..เดาทางไม่ออกจริงๆว่าอีกฝ่ายคิดเห็นเช่นไร

 

 

แม้แต่อีเอเลนที่หลบซ่อนอยู่ใต้ไม้กระดานท่าเรือยังต้องกลืนน้ำลายเหนียวหนืดจับตัวเป็นก้อนลงคอด้วยความยากลำบาก

 

“เอ็งสองคนเป็นคบหาดูใจกันอยู่รึ?”  คำถามนั่นทำเอาอาร์มินหน้าแดงแจ๋!!ยิ่งสายตาของคุณหลวงมองมายังมือของไอ้แจนที่กุมมือเธอไม่ปล่อย ยิ่งกระดากอายเข้าไปใหญ่พอจะดึงมือกลับ…แรงบีบของอีกฝ่ายกลับเพิ่มขึ้น!!?

“ขอรับคุณหลวง..บ่าวกับอีอาร์มินเราสองคนคบหาดูใจกันอยู่” เสียงทุ้มเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม ตัดบททาสสาวสินไถ่กำลังจะอ้าปากแย้งคำกล่าวหา…ทว่า..มือแกร่งที่บีบแรงจนเล็บจิกเนื้อทำเอาอีอาร์มินนิ่วหน้าเจ็บหลังมือจนต้องยอมเออออตามคำพูดคนข้างกาย…เป็นคราแรกที่ไอ้แจนเงยหน้าสบตาหลวงรีไวล์…ดวงเนตรสีดำคมทอดมองในดวงตาสีอ่อนละม้ายทาสนามฮาเนสไม่มีผิดเพี้ยน

 

 

แววตา..แข็งกร้าว…

 

 

ชายผมสีดำสั้นจ้องมองตอบไม่เกรงกลัว…พอจะอ่านความคิดของไอ้หนุ่มนี่ออกแล้วว่า กำลังหึงหวงในตัวทาสสาวผมสีทองนั่น..เข้าใจผิดคิดว่าเขาจะมาไปเป็นเมียบ่าว  อยากจะชี้แจงความบริสุทธิ์ใจอยู่หรอกแต่ก็ขี้เกียจขยับปากพูดกับทาสใต้สังกัด  จึงเลือกที่จะไม่เอ่ยเอื้อนอันใดอีกแล้วหันหลังเดินจากไป…

 

ทาสหนุ่มสาวทั้งสองลอบถอนหายใจ..เช่นเดียวกับอีเอเลนเธอยกมือเปียกน้ำทาบอกโล่งใจไปตามๆกัน

 

“โห…จักว่าไปข้าก็ว่าคุ้นๆหน้าเอ็ง…” ฝีเท้าที่น่าจะเดินจากกลับหยุดลงทั้งที่ยังไม่พ้นแผ่นกระดานไม้บนท่าเรือดี  ชายร่างเล็กแต่กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครหันกลับมา..หน้าที่เคยเรียบเฉยกลับเต็มไปด้วยแววตาคมกริบเช่นสัตว์ป่า สายตานั่น..คำพูดนั่น,,ทำเอาทาสหนุ่มสาวที่รับหน้ากับอีกหนึ่งนางที่หลบซ่อนสะดุ้ง

“เอ็งเป็นเพื่อนของเอเลน..” พลัน!!!อีอาร์มินหน้าซีดเผือก ดูท่าจะนึกออกถึงเรื่องขโมยมะม่วงครั้นเยาว์วัยเป็นแน่!!! หลวงรีไวล์เดินกลับมาย่างสามขุมพร้อมกับบรรยากาศรอบตัวกดดันกว่าเดิมเสียอีก…ความหนาวเย็นที่พาเอาขนคอหลังลุกชันไปตามๆกันนี่ ยิ่งกว่าลมหนาวพัดผ่านเสียอีก

 

ปึก!!!!

 

ฝ่าเท้ากระทืบลงบนแผ่นไม้กระดานตามอารมณ์เดือด..เอเลนสะดุ้งโหยงมือยกปิดปากกลั้นเสียงกรีดร้องตกใจผวากลัวไว้..จากการสั่นของแผ่นกระดานจึงรู้..หลวงรีไวล์เดินกลับมาอยู่เหนือหัวเธอเสียแล้ว!!!

 

“เอเลนอยู่ที่นี่” เสียงทุ้มเน้นย้ำกดต่ำ ไอ้แจนและอีอาร์มินจับมือกันแน่นก้มหน้าลงหลบสายตาเจ้านาย

“โห…ดำน้ำหลบหน้าข้าสินะ” คาดเดาถูกด้วย!!!

“เอเลน!!!ออกมา!!!!” ตะคอกออกคำสั่ง ทั้งสีหน้าดุดัน!!! เอเลนมือไม้อ่อนเปลี้ยจนแทบจับเสารับไม้กระดานไม่อยู่ ร่างกายสั่นระริกมือกดแน่นกลั้นเสียงร้องไว้ไม่ให้เผลอตกใจหลุดกรี๊ดออกมา

 

“คุณหลวงขอรับ!!อีเอเลนมันไม่อยู่นี่ดอกขอรับ!!!”

 

ทาสผมสีอ่อนออกปากปกป้องเพื่อนสนิทที่กำลังถูกคุกคาม ข่มขู่ กดดันให้ออกจากที่ซ่อน หลวงรีไวล์ตวัดสายตามองไอ้แจน..แววตานั่นกดดันจนไอ้แจนต้องก้มหน้าลงงุดรู้สึกเหมือนหินหนักมากดหลังคอจนเมื่อยล้า  เหงื่อแตกพลั่กหน้าซีดพอๆกับทาสสาวสินไถ่อาร์มินต่างฝ่ายต่างสัมผัสได้ว่ามือเหนียวเหงื่อเพียงไร

 

“ร้อนตัวเสียจริงลูกชายไอ้ฮาเนส…ข้ารู้ว่าเอเลนอยู่ที่นี่!!!” พูดแล้วเว้นวรรคครู่หนึ่งก่อนออกคำสั่งเฉียบขาด

“เอ็งลงไปลากตัวเอเลนขึ้นมา!!”

“ค..คุณหลวงเจ้าคะ..เอเลนไม่ได้..”

“ลงไป!!!!” เสียงทุ้มตะคอกสั่งทั้งสีหน้าดุดัน  อีอาร์มินตัวสั่นเป็นลูกนกน้ำตาคลอเบ้ากลัว ไอ้แจนกำหมัดแน่นเม้มปากแล้ว..ลุกขึ้นยืนไปยังริมท่าน้ำ

 

ตูม!!!!!

 

 

ทาสหนุ่มผมสีอ่อนกระโดดลงน้ำไป อีอาร์มินรีบคลานไปเกาะริมท่าเรือเบิกตากว้างตกตะลึงยกมือขึ้นปิดปาก น้ำตาไหลพรากๆไม่อาจเก็บเสียงสะอึกสะอื้นได้อีก

 

ไอ้แจน…เอเลน…

ข้าปกป้องอะไรพวกเจ้าไม่ได้…ไม่ได้เสียซักอย่าง…

 

 

เวลาผ่านไปราวๆ 10 นาทีกว่า…ผืนน้ำที่สงบนิ่งนั้นกลับแตกฟองขึ้นพร้อมกับหัวของชายผมสีอ่อนที่เปียกน้ำผุดขึ้นมาหายใจหอบ  หลวงรีไวล์จ้องมองทาสหนุ่มไม่วางตา..รอคอยคำตอบ

“คุณหลวง..อีเอเลนไม่อยู่ขอรับ”

“อย่ามาโกหกข้า!!พวกเอ็งเป็นเพื่อนมันจักไม่รู้ได้เยี่ยงไร!!”

“ข้าสาบานต่อฟ้า!!!อีเอเลนไม่อยู่จริงๆขอรับ!!!” ไอ้แจนตะโกนขานตอบสุดเสียงด้วยความโมโหลืมตัวใส่นายเหนือหัว พอสติกลับมารู้ว่าเผลอทำอะไรลงไปหน้าซีดเผือกจนอย่างจมน้ำตายตรงนี้เสีย ยังดีกว่าโดนบทลงโทษจากชายผมสีดำตัดสั้น

 

 

เงียบ…เงียบ…บุรุษวัย 30 ปีนิ่งไม่ขยับไปไหนแล้วก็ไม่พูดจาอะไร เอาแต่มองทาสหนุ่มที่ยังลอยตัวในน้ำไม่วางตา เสียงฝีเท้าก้าวเดิน…ห่างไกลออกไปทำให้ทาสสาวแรกรุ่นเจ้าของเรือนผมสีทองสวยสว่างสดใสเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังกว้างแกร่งของสมชายชาตรีเดินออกไปจากท่าเรือ..

 

ชายหนุ่มแหวกว่ายขึ้นฝั่งมือบิดปลายโจงกระเบนชุ่มน้ำ แล้วหันมาสบตาสีฟ้ากลมโตคู่งาม

“อีอา…เฮ้ย!!!เดี๋ยว!!อีอาร์มิน!!!” แจนร้องเสียงหลงเมื่อร่างบอบบางกลับลุกเดินหนีเสียดื้อๆ เป็นที่แน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายจงใจหลบหน้าเขา  หน้าหล่อคมกัดปากแน่นแล้ววิ่งไล่ตามเพียงไม่กี่ก้าวก็คว้าต้นแขนบอบบางไว้ทัน

 

“ปล่อยข้า!!ไอ้แจน!!”

“ไม่!!ใยเอ็งต้องหลบหน้าข้าอีอาร์มิน!!เอ็งเกลียดข้างั้นรึ” ถามสิ่งที่สงสัย..หวาดกลัวกับคำตอบหากใช่ขึ้นมาเขาจะวางตัวเช่นไร จะต้องทนเจ็บแค่ไหน  อีกฝ่ายแสนดีจิตใจงดงาม กลัวว่าจะไม่เหมือนเดิมกลัวว่าแม้แต่คำว่าเพื่อนก็มิอาจเอาคืนได้ มันคงเจ็บปวดทั้งเป็นยิ่งกว่าตาย

“ไม่..ข้าไม่ได้,,รังเกียจ” อาร์มินก้มหน้างุดจนผมสีทองปรกสายตา..ปกปิดดวงหน้าหวานน่ารักของหญิงสาวแรกรุ่นไว้ ปากอิ่มเล็กเม้ม..จนขึ้นสีเข้มแล้วจึงขยับต่อทั้งเสียงสั่นเครือ “แต่..ข้า..ฮึก..ข้ารู้ว่าเจ้ากับเอเลน..”

 

บุรุษตัวสูงเข้าใจโดยพลันถึงสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ เขาเกาหัวแรงๆจนยุ่งเหยิงตามอารมณ์หงุดหงิดหัวใจ ก่อนจะโวยวายเสียงดังตามนิสัย “โว้ยย!!ทั้งๆที่เอ็งฉลาดแท้ๆ ทำไมผู้หญิงถึงได้เข้าใจเรื่องพวกนี้ยากนัก!!”

 

มือแกร่งหนาหยาบกระชากต้นแขน ออกแรงดึงให้เข้ามาใกล้จนสายตามองเห็น..ใบหน้าที่ใจถวิลหาคิดถึงคะนึงนิจเป็นที่สุด..ทุกเชื่อมั่นวันคืน

 

“ข้าชอบเอ็ง..อีอาร์มิน”

 

คนถูกสารภาพ…รัก..เลิกสะอื้นตะลึงพรืดตาเบิกโพลงยืนตัวแข็งทื่อ พาจะอ้าปากพูดกลับถูกอีกฝ่ายชิงตัดบทเสียก่อน “เอ็งไม่ชอบข้าตอนนี้ไม่เป็นไร..แต่ข้าจักทำให้เอ็งรักข้าให้ได้”

ดอกมะลิในกระทงถูกหยิบยื่นมาให้..แม้ว่าจะเปียกปอนช้ำน้ำจนไม่เหลือเค้างามดั่งเดิม ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดหน้าหนีอีกฝ่าย..เขินอายเกินกว่าจะสบตากลมโตสีฟ้าแสนรักตรงหน้า “ข้าจักมอบให้เอ็งหลายทีแล้ว”

 

“จากนี้ไป…ข้าขอ..เก็บดอกมะลิให้เอ็งทุกวันได้หรือไม่”

 

คำถามกึ่งวอนขอ…ของบุรุษร่างเปียกโชกหัวจรดเท้า ผมสีอ่อนพราวหยดน้ำจนลู่ใบหน้าหล่อคมที่ขึ้นสีแดงก่ำไปถึงใบหู สีแดง..แล่นริ้วขึ้นบนดวงหน้าสาวน้อยด้วยเช่นกัน มือเล็กๆเอื้อมไปรับกระทงดอกมะลินั่น สัมผัสเบาหวิวชวนถนอมโดนบนมือแกร่ง..ทำให้ไอ้แจนใจเต้นโครมคราม

“ไอ้แจน..”

“ว..ว่าไง” ขานรับเสียงสั่น ค่อยๆผินหน้ารวบรวมความกล้าที่มีไปมองและรอฟังคำตอบ

“ข้า..ดีใจเหลือเกิน” รอยยิ้มหวาน…สุขใจล้นปรี่ รอยยิ้มแสนสดใสอ่อนโยนเหมือนดังดอกมะลิที่ถือก็ไม่ปาน คำกล่าวนั่นทำให้คนหนุ่มสุขใจไม่ต่างกัน ปากหนาเผลอคลี่ยิ้มโล่งอกระคนตื้นตัน..ยกมือขึ้นเกาหลังต้นคอด้วยความเขินอาย  ส่วนอีอาร์มินก้มหน้างุดมองดอกมะลิในกระทงหยิบขึ้นมาสูดดมกลิ่นหอมหวานอ่อนๆเหล่านี้   แต่แล้วสาวผมทองนึกถึงอะไรได้บางอย่างเธอหน้าซีดลงทันตาเห็นจนไอ้แจนประหลาดใจ

 

“ไอ้แจน..เจ้าไปสาบานโกหกต่อฟ้า..ต้องแย่แน่ๆ” ครวญหวาดผวากลัวเทวดาบนสวรรค์จักลงโทษ น้ำตาคลอเบ้าจนดวงเนตรสีฟ้าใสสั่นคลอน

 

..กลัว…หากเกิดอะไรกับไอ้แจน..ชายที่เธอรัก..

 

 

“ไม่ต้องห่วงดอกอาร์มิน ข้าไม่ได้โกหกฟ้าเสียเมื่อไหร่” คำบอกนั่นทำเอาหญิงสาวผมทองเลิกคิ้วสูงงุนงง ไอ้แจนเท้าสะเอวคลี่ยิ้มบางๆอีกมือขยี้เรือนผมสีทองนุ่มสลวยชวนสัมผัสหลงใหลและรักยิ่งในดวงใจ

“ก็ตอนข้าลงคลอง..ก็ไม่เห็นอีเอเลนเสียแล้ว..คงดำน้ำว่ายหนีไปแล้ว”

 

 

ซ่าส์!!!!

 

ร่างเพรียวบางสูงโปร่งของหญิงสาวคลานขึ้นตลิ่งน้ำในเขตเรือนทาส  อีเอเลนทรุดนั่งเท้ามือกับพื้นก้มหน้าอ้าปากหายใจหอบหนักสูดเอาอากาศเข้าให้เต็มสูบ กายาเปียกโชกหัวจรดเท้าต่อให้ชอบเล่นน้ำแค่ไหนก็ไม่ใคร่ลงไปแหวกว่ายในฤดูหนาวเช่นนี้…

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหลวง..ไม่ลงทุนลงแรงทนทรมานเพียงนี้ดอก!!

 

“อ้าว!!อีเอเลน!!เอ็งไปทำอันใดมา!!ใยตัวเปียกโชกเช่นนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายดอก!!!” ยายเอี่ยมเดินผ่านมาเห็นพอดิบพอดีร้องตกกะใจ  วิ่งปรี่เข้าไปพยุงดึงทาสสาวแรกรุ่นขึ้นมายืน เธอกอดตัวเองหนาวสั่นจนปากซีดเห็นท่าไม่ดีต้องพาเข้าเรือนเสียก่อน

 

“กำลังท้องกำลังไส้ไม่ระวังตัวเสียเลย เกิดเจ็บไข้ได้ป่วยจะทำเยี่ยงไร เอ็งไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วคิดถึงลูกบ้าง”

 

คำเทศนาทำเอาอีเอเลนรู้สึกผิด เธอนึกขึ้นได้ว่าการกระทำหลบหนีหลีกหน้าคุณหลวงรีไวล์นั้นเป็นข้อห้ามที่คนตั้งท้องไม่ควรทำ…นัยน์ตาสีมรกตสั่นคลอ หวั่นวิตกยกมือกอดท้องแน่นเริ่มสะอื้นเมื่อนึกได้ว่าตัวเองเกือบเผลอฆ่าลูกในไส้  ยายเอี่ยมเห็นท่าไม่ดีไหนจะอาการสะเทือนอารมณ์ง่ายกว่าปกติหลายๆเท่านี่..

 

 

ไปเจอเรื่องอะไรมา?

 

 

“ไม่ร้องๆ พอแล้ว..เอ็งรีบไปเปลี่ยนเสื้อ เดี๋ยวข้าจักหาอะไรอุ่นให้ทาน” ทาสชราลูบเรือนผมสีน้ำตาลเปียกน้ำปลอบโยนเบาๆแล้วจูงมือขาวซีดสั่นเท้ากลับขึ้นเรือนทาสเบื้องหน้า…

 

 

.

.

.

 

 

 

เพลาล่วงเลยมาจวบจนบ่ายแก่ๆ คุณหลวงรีไวล์เดินกลับขึ้นเรือนใหญ่หลังจากหายหน้าหายตาไปเกือบครึ่งค่อนวัน..ทันทีที่เท้าก้าวผ่านประตูธรณีใหญ่ก็เห็นพี่สาวจอมเพี้ยนละสายตาจากหนังสือมองเขาลอดแว่น…ยิ่งเห็น..ยิ่งหงุดหงิด!!!หงุดหงิดจนอยากจะหาใครซักคนมาเป็นที่ระบายให้กระทืบเล่น

 

คนหนุ่มกำลังจะเดินเข้าห้องนอน แต่แล้ว..เสียงร้องทักของพี่สาวทำให้เจ้าตัวหยุดชะงัก

“จะง้อผู้หญิงทั้งที เขาไม่ทำกันเช่นนั้นดอก”

บุรุษผมสีดำตัดสั้นหันกลับมามองสตรีสวมแว่นตา นั่งพลิกเปิดกระดาษหนังสือในมือเสียงดังกรอบแกรบไปมา ฮันซี่ยังไม่ละสายตาจากตัวอักษรฝรั่งบนกระดาษเหล่านั้นจงใจลอยลมใส่ชัดๆ

 

“ข้ามีวิธีของข้า!!!”

“วิธีของเจ้าจักทำให้เอเลนกลัวเสียเปล่าๆ ต่อให้ได้ตัวกลับมานางก็อยู่กับเจ้าแบบหาได้เต็มใจ”

 

คำโต้แย้งนั่นทำเอารีไวล์สะอึก..พี่สาวของเขาปรายตามองพร้อมหยักยิ้มขำขัน..มองคนที่ชาตินี้ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องไล่ตามหรือขอร้องใคร กลับต้องมาหัดไล่ตามวอนขอเมียบ่าว…ถึงวิธีการค่อนข้างบ้าอำนาจพอตัวก็เถอะ   สิ่งที่ตอบรับคำเตือนเหล่านั้น..คือการปิดประตูห้องนอนเสียงดังคุณหญิงฮันซี่ถึงกลับโพล่งหลุดขำหัวเราะเสียงดังลั่นหาได้สำรวมกริยาเช่นหญิง มือตบที่เท้าโต๊ะกุมท้องขำเกร็งจนน้ำตาไหลพราก..ขำจนยายสร้อยเหงื่อตก

 

 

โธ่…คุณหญิงของบ่าว…นี่เจ็บแค้นอะไรคุณหลวงหรือเปล่าเจ้าคะ?

 

 

หลังจากนั้น…จวบจนมื้อเย็นของวันคุณหลวงรีไวล์ถึงออกมาจากห้องนอนเพื่อร่วมรับประทานอาหารเย็นร่วมกับพี่สาวเช่นเคยในห้องโถงกว้าง..ในสำรับว่างเปล่าไม่เหลือสิ่งใดแล้ว เหล่าบ่าวไพร่ที่รออยู่จึงคลานนอบน้อมเข้าไปยกสำรับกลับไปล้างทำความสะอาดในเรือนครัวต่อ  เหลือเพียงทาสที่ประจำบนเรือนใหญ่ปรนนิบัติรับใช้นายเหนือหัวทั้งสองดั่งเคย

 

“ฮ้าวว ข้าง่วงแล้ว..ขอตัวก่อนล่ะ”  กินข้าวเสร็จเงยหน้าแหงนมองท้องฟ้า กลับกลายเป็นสีดำเต็มไปด้วยหมู่ดาวนับล้านดวง ส่องแสงระยิบระยัดชัดเจน..ยิ่งในคืนฟ้าเปิดฤดูหนาวเช่นนี้ดวงดารายิ่งส่องสว่างเปล่งกระกายงดงามชัดเจน  เรือนใหญ่เหลือเพียงเจ้าบ้านผู้เป็นบุรุษกับทาสชรายายเอี่ยม..ทาสผู้ซื่อสัตย์รับใช้มาตั้งแต่รุ่นบิดา กำลังนั่งเก็บสำรับขนมหวานชุดสุดท้ายไปล้างทำความสะอาด

 

“เดี๋ยว!!”

เสียงทุ้มห้วนติดเป็นนิสัยเอ่ยรั้งทาสชราไว้ เธอวางสำรับไว้ข้างตัวแล้วคลานมานั่งหมอบพับเพียบนอบน้อมอยู่ข้างนายเหนือหัวผู้เก่งกล้าสามารถเกินใคร…รอรับคำสั่ง…

 

“ข้า…มีเรื่องอยากให้เอ็งทำ”

 

TBC

 

 

+++++++++++++++++++

สอบเสร็จแล้วค่ะ ดีใจ 555

แต่มีโปรเจ็กต่อ…เวรกำมาก

 

ลัดคิวสาวกรีกอีกแล้ว แหะๆ ขอโทษษษษษษ

เป็นไงบ้างคะ บอกแล้วว่าเห็นคุณหลวงแบบนี้ เขาก็ง้อ(?) ในแบบของเขา กร๊ากกก

ง้อต่อไปในตอนหน้าอีกตอน

ตอนที่แล้วสั้น ตอนนี้เลยยาวขึ้นน่าจะเยอะเลย 5555

ตอนหน้าตอนจบแล้วค่ะ + บทส่งท้ายก็เสร็จสิ้นแล้ว

 

 

ใส่ความเห็น