[Fic The Avengers][Thorki]Circle of pain//Part1

 

[Fic The Avengers]  Circle of pain

Paring :  thorki

Rate    : Nc-21

Story   : blood_hana

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

Circle of pain 1

 

อาณาจักรแอสการ์ด เมืองแห่งเหล่าทวยเทพ แสงสีทองอำพันยังคงสว่างเรืองรองด้วยการปกครองของการกษัตริย์องค์ใหม่

 

ธอร์…เทพเจ้าแห่งสายฟ้า ผู้ถือครอง ค้อนแห่งกษัตริย์ โยเนียร์

 

 

จากคนหนุ่มใจร้อน บุ่มบ่าม หุ่นหันพลันแล่น ไม่ฟังคำใคร และหยิ่งทระนงตน กลับกลายมาเป็นชายหนุ่มที่ทำเพื่อส่วนรวม เพื่อบ้านเมือง และกระทำอย่างมีสติ เหตุทั้งหมดเป็นผลจาการเนรเทศของโอดิน อดีตกษัตริย์แอสการ์ด พระบิดาแห่งเหล่าทวยเทพและทุกสรรพสิ่ง

 

 

ใช่แล้ว..ทุกอย่างไปได้ด้วยดี..

 

“ฟริกก้า ใยเจ้าจึงมานั่งถอดถอนใจเช่นนี้ ไม่ไปร่วมสนุกในงานเลี้ยงหรอกหรือ” ฝ่ามือหยาบวางลงบนไหล่ ทว่า..กลับให้ความรู้สึกอบอุ่น ราวกับน้ำฝนโปรยปรายชโลมรากของหมู่พฤกษาให้เบ่งบานผลิดอกออกผล พระนางฟริกก้ายิ้มพร้อมกับมือตอบกลับผู้เป็นสวามีของเธอ

“ข้าไม่ค่อยสบายใจน่ะ โอดิน” คำตอบของเธอ หาได้สร้างความฉงนสนเท่ห์แก่ชายชราแต่ยังคงความเกรงขามของนักรบผู้เก่งกาจ  เขาถอนหายใจ ดวงตาข้างเดียวมองตรงไปยังท้องนภาสีทองจากแสงอาทิตย์ยามเย็นจากสวนดอกไม้ร่มรื่นของปราสาทแอสการ์ด

“ข้ารู้” เสียงทุ้มแหบขานตอบ  ฟริกก้าผินร่างหันมาสบตาสีฟ้าขุ่นตามวัย ใบหน้างดงามบัดนี้กลับฉายแววเศร้าสร้อยชวนหม่นหมอง “โอดิน..ท่านต้องช่วยโลกิ…”

โอดินเม้มปากแน่น บ่งบอกถึงความลำบากใจ ในแววตาคมกริบแฝงความอ่อนโยนสั่นไหว  อดีตราชาเอามือไพล่หลัง เดินผ่านคู่ชีวิตของตนไปสองก้าว ก่อนจะชะงักฝีเท้าแล้วถอดถอนใจ

 

“ข้าเองก็อยากช่วย..หากแต่ ข้ายกบังลังค์ให้แก่ธอร์เสียแล้ว หากข้าเข้าไปยุ่มย่าม ประชาชนมิต้องหมดศรัทธราในตัวธอร์หรือ”

 

ฟริกก้านิ่งเงียบ ปากสีแดงอิ่มเม้มแน่นจนห้อเลือด หล่อนเข้าใจดี ว่าโอดินมักทำตัวเป็นกลางเสมอ และทุกๆอย่างที่ได้กระทำไปย่อมมีเหตุผลอันสมควร  นัยเนตรคู่งามสั่นระริก มิอาจหยุดยั้งให้หยาดน้ำตาร่วงหล่นได้

 

 

อภัยให้แม่ด้วย…โลกิ..ที่มิอาจช่วยเจ้าได้..

 

 

 

กาลเวลาผ่านไปไวเฉกเช่นกับสายลมกรรโชก  สายลมเย็นยามรัตติกาลพัดผ่านลูกกรงซี่เล็กๆ เข้ามากระทบร่างที่คุดคู้อยู่บนเตียงเก่าเหม็นอับ  ร่างผอมบางตัวสั่นสะท้านกับความหนาวเหน็บจนเผลอนอนงอตัวราวกับกุ้ง เป็นเหตุให้เสื้อนักโทษสีขาวหม่นตัวหลวมโครกถดคอเสื้อลงต่ำ แย้มแนวไหล่กลมมน ปรากฏรอยฟันช้ำแดงหลายแห่ง  โดยเฉพาะบริเวณลำคอซึ่งถูกปกปิดด้วยผมสีดำขลับยาวยุ่งเหยิง ตัดกับผิวสีขาวราวกับหิมะ

 

แกร๊ง..

 

โซ่ตรวนที่ข้อเท้าบ่งบอกถึงสถานะของผู้ถูกคุมขัง ในคุกส่วนลึกสุดของแอสการ์ด ราวกับนรกอเวจี หากผู้ใดล่วงล้ำคงได้แต่ทุกข์ทรมานชั่วกัปชั่วกัลป์

 

ความเงียบสงัด..เงียบจนน่าหวาดผวา เสียงลมที่พัดผ่านตามช่องลมดังชัดราวกับเสียงหัวเราะแหลมของเหล่าปิศาจร้าย คอยหลอกหลอนจิตใจให้คลุ้มคลั่ง ทว่า..นั่นหาใช่สิ่งที่ โลกิ อดีตเจ้าชายองค์รองแห่งโอดิน … และเป็นยักษ์น้ำแข็งตัวสุดท้ายที่หลงเหลือในโลกทั้ง 9

 

 

ตึก…ตึก…ตึก…

 

ฝีเท้าย่ำเข้ามาใกล้ หนักหน่วง ก้องดังชักขึ้นทุกที ฝีเท้าของคนเพียงคนเดียวที่มีสิทธิ์เข้ามาย่างกรายในคุกส่วนลึกนี่ นัยน์ตาสีเขียวมรกตวาววับน่าสงสารจับใจ หยาดน้ำตากำลังจะไหลริน หากแต่เจ้าตัวกลับเช็ดมันออกไปเสียก่อน ด้วยมือที่กระดำกระด่างด้วยฝุ่น และขี้เถ้าสีดำ

 

แอ๊ดดด

 

ประตูซึ่งใช้จองจำร่างบอบบางเปิดออก พร้อมกับการสาวเท้าเข้ามาของคนๆนั้น โลกิรู้สึกได้ถึงเงาสีดำมืดสนิททาบทับเรือนร่าง  ตามด้วยสัมผัสอุ่นจากอ้อมแขนกำยำและแผงอกกว้างแกร่ง ดึงรวบเข้ากอด

“หนาวอยู่หรือ..น้องข้า..” เสียงทุ้มต่ำกระซิบ ก่อนโน้มลงจุมพิตเบาๆตามไหล่กลมมนขยับขึ้นไปละวนกับผิวเนียนนุ่มบริเวณลำคอ  คู่สนทนาไม่ตอบ ไม่..แม้แต่จะชายตามองผู้ที่กำลังละลาบละล้วงมือเข้าไปสัมผัสยอดอกสีหวานใต้เสื้อนักโทษสกปรก

 

โลกิเม้มปากแน่นจนปริแตก รับรู้ถึงความเค็มของโลหิตสีแดงฉาน ใบหน้าสวยรือชื้นด้วยหยาดหยดเหงื่อ ยิ่งมือหนาแกร่งกำลังปรนเปรอกับส่วนไหวด้านใต้ ยิ่งทำให้เขาทรมานใจกับการข่มใจสะกดกลั้นเสียงครางหวานที่คนตัวใหญ่ชอบเป็นนักหนา

 

“ว่าไง..โลกิ ไม่คิดจะตอบคำถามพี่ชายของเจ้าหน่อยหรือ?” ไรหนวดสัมผัสกับผิวนุ่ม ปากหนาได้รูปจูบหนักที่ลำคอขึ้นไปเกือบถึงใบหู แล้วขมกัดเบาๆอย่างอ้อยอิ่ง

“อึก..เจ้า..สารเลว..ธอร์” ในที่สุด..โลกิเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ยอมเปิดสุรเสียงหวาน ธอร์ยิ้มเหยียดเหนือชัย สบตาสีมรกตปรือเยิ้มด้วยตัณหาราคะ แลดูเร้าร้อน เย้ายวน น่าเวทนา..ในเวลาเดียวกัน

 

 

น่าอ่อนโยน…

 

 

ตึง!!!

 

บุรุษร่างใหญ่เหวี่ยงคนตัวผอมกระแทกกดลงกับเตียง ก่อนจะขึ้นคร่อม  คนด้านใต้สบตาสีฟ้าคมวาวโรจน์ประดุจสัตว์ล่าเนื้อกระหายเหยื่อ พลันแก้มใสก็มีอันต้องสัมผัสกับความเปียกชื้นของน้ำตาอันน่าสมเพช..

“งั้นเจ้าก็ควรจะรับรู้..ว่าเจ้าสารเลวคนนี้ เป็นผัวของเจ้า…” พูดจบ..เสื้อนักโทษถูกปลดเปลื้องออก ไปโยนทิ้งกับพื้นอิฐ

ร่องรอยฟกช้ำดำเขียวตามผิวกายขาวซีด ไล่ลงมาถึงบริเวณสะโพกกลมกลึงน่าขยำด้วยมือเปล่า ไปจนถึงขาอ่อน..เป็นสิ่งตีตราความเป็นเจ้าของแก่ชายผมสีทองสว่างดุจแสงตะวันบนโลกเบื้องบน แต่สำหรับคุกนรก..สำหรับโลกิ..ธอร์คือซาตาน คือปิศาจร้ายซาคิวบัส..ที่คอยเสพสุขกับเรือนร่างบอบบางอย่างรุนแรง ป่าเถื่อน ไร้ซึงความปราณี

 

 

น่าบีบให้สลายคามือทั้งสองข้าง..

 

“อั่ก!!”  มือแกร่งพุ่งตรงเข้าบีบลำคอระหง กดแน่นกับฟูกเตียง  ร่างบางเบิกตากว้างจนดวงเนตรสีมรกตคลอเบ้า หยาดน้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย ปากอิ่มอ้ากว้าง พยายามตักตวงอากาศเข้าป่านลำคอตีบตัน  ปากบางสีชมพูระเรื่อชุ่มไปด้วยน้ำลายที่เอ่อล้นออกมา ร่างเล็กพ่ายผอมดีดดิ้นให้หลุดจากน้ำมือของปิศาจในคราบเทวดา  โลกิเห็น..ธอร์..พี่ชายที่แสนดี..กำลังขยับยิ้มเหี้ยมเกรียนชวนขนหัวลุก..ดวงตาสีฟ้าฉายแววสะใจกับการตะเกียกตะกายของคนด้านใต้..จ้องมองราวกับเห็นแมลงขาขาด แต่พยายามขยับร่างหนีให้พ้นจากฝ่าเท้าที่ชะงักค้างอยู่กลางอากาศ..ทั้งๆที่รู้  ที่สุดแล้วมนุษย์จักต้องเหยียบฝ่าเท้าลงกระทืบแมลงตัวนั้นจนแด้ดิ้น

 

นัยน์ตาสีมรกตเริ่มพร่ามัว..ใบหน้าคมคายหล่อเหลาสะกดใจสาวของราชาแอสการ์ดเริ่มเลือนหายไปจากสติทุกที..บางทีการตายก็อาจเป็นอิสระเดียวที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานของกรรมที่ก่อไว้ ณ มิดการ์ด และทุกๆคำลวง

 

 

คำลวงของข้า..อันเป็นสาเหตุให้เจ้าต้องเป็นเช่นนี้..

ธอร์…

 

 

พลัน!!ธอร์กลับปล่อยมือจากคออีกฝ่ายเสียอย่างงั้น แล้วหันมาลูบไล้ สัมผัสเรือนกายนุ่มนิ่มประดับด้วยรอยจูบของเขา

“ข้ากับเจ้า..ร่วมพลอดรักกันมานับสามเดือนแล้ว..ทั้งที่ข้าหาได้ปราณี แต่เจ้าก็ยังคงความงดงามชวนเสน่หา” ถ้อยคำที่ไม่ออกจากปากคนหัวบื้ออย่างธอร์ กลับกล่าวออกมาหน้าตาเฉย..ใช่แล้ว..หากเป็นเมื่อก่อนคนหนุ่มผมทองคงได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ ทำหน้าตาโง่เง่าชวนสังเวช

 

ทว่า..กาลเวลาผ่าน..คนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้..ธอร์เองก็เช่นกัน..ธอร์เปลี่ยนไปเพราะคำลวงของโลกิ..คำลวงที่ให้กำเนิดจิตปิศาจกระหายเพศที่รุนแรงเกินคณาจะรับมือไหว..

ร่างบางผมดำไม่อาจรู้ว่าคนผมทองในยามเสพสุขกับหญิงสาวอื่นๆจะรุนแรงเพียงนี้หรือไม่..เขาถูกตัดขาดจากโลกภายนอกมานานกว่า 3 เดือน..ไม่เคย..พบหน้าใครนอกจากธอร์..

 

 

“!!!!”

แก่นกายร้อนขนาดใหญ่แทรกเข้ามาช่องทางฟกช้ำมิดลำ  โลกิถึงกับจุกท้องน้อยร่างกายขยับไหวตามแรงกระแทกของบุรุษตัวใหญ่ มือหนาแยกขาเรียวสวยฉีกกว้างโดยไม่สนว่าคนด้านใต้จะเจ็บปวดหรือไม่  พร้อมใช้นิ้วมือทั้งสี่อุดช่องปากอิ่มสวยสร้างความทรมานเรื่องช่องทางหายใจแก่โลกิ

 

ปึกๆๆ

 

“อา…” ธอร์ครางเสียงต่ำทันทีที่เจ้าตัวถึงจุดสุดยอด น้ำสีขาวขุ่นทะลักเข้ามาในเรือนกายเพรียวบาง โลกิรับรู้ถึงความอุ่นทะลักในกาย..ความอุ่นที่ปลดปล่อยเข้ามาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง..จำนวนมากมายจนจำไม่ได้..

ดวงหน้าสะสวยใต้เรือนผมสีปีกอีกายาวยุ่งเหม่อมองเพดานห้องแคบๆเต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่ ..แม้จักมองไม่ชัดเพราะน้ำตา ก็ยังดีกว่าต้องมองสภาพน่าอดสูของตัวเองที่นอนนับรอวันตาย

 

 

 

นิ้วทั้งสี่ดึงออกจากปากอิ่มสีชมพู แทนที่ด้วยจูบแสนหนักหน่วงทิ้งท้ายก่อนละออกจากปากนุ่มหวานละมุนลิ้น

ธอร์ยิ้มเย็น หน้าคมคายลดลงต่ำ..หยุดลงที่สะโพกกลมกลึง

 

“มะ..ไม่!!” ร่างบางผมสีดำครางทั้งน้ำตา ความเปียกชุ่มของลิ้นกำลังโลมเลียรอบส่วนไหว ลากไล้ วนเวียน จนมาถึงช่องทางสีหวานที่ยังเปรอะเปื้อนน้ำรักเมื่อครู่..

“ฮึก!!!” โลกิขยับขายกขึ้นตามแรงปรารถนา ร่างกายแอ่นเกร็งเย้ายวนสายตา หากชายใดได้มาเห็นมีอันต้องอารมณ์กระเจิงกระเจิงในตัณหาราคะเป็นแน่

 

 

“เจ้าบอกให้ข้าหยุด” ธอร์เอ่ยขึ้น ร่างสูงใหญ่ยันกายขึ้นนั่งมองดูคนตัวผอมที่นอนคุดคู้กอบกุมส่วนไหวตัวเองแน่น ด้วยร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งตัว..ต่อสู้..อดกลั้น..ไม่ยอมแสดงว่าตัวเองมีแรงปรารถนาเพียงใด

ปากหนาเหยียดยิ้มกับการกระทำไร้ผล เขาเริ่มลวนลามอีกฝ่ายด้วยมือหนา บีบเคลิ้นบริเวณสะโพกลูบไล้ตามแผ่นหลังเนียนนุ่ม ตามด้วยการโถมน้ำหนักเข้าทาบทับจนแผงอกแกร่งกำยำด้วยกล้ามมัดเสียดสีสัมผัสกับผิวกายขาว ริมฝีปากจุมพิตแผ่นหลังขบเม้มสร้างรอยแดงซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างรอคอย…

 

 

ในที่สุด…เสียงแห้งผากกระซิบขึ้น ธอร์กระตุกยิ้มพึงพอใจ “พูดดังๆสิ ข้ากำลังรอฟังเจ้าอยู่”

 

 

“ได้..โปรด..”

 

 

“ได้โปรด..ขยี้..ข้า..ย่ำยีข้า…”  โลกิสะอื้น ร่ำไห้กับความพ่ายแพ้..ร้องไห้จนตัวโยน ทั้งทรมานทั้งต้องการ ช่างเป็นความรู้สึกที่วิปริตยิ่งนัก…

 

 

 

“ข้าเกลียดเจ้า..ธอร์..ข้าริษยาเจ้านั่นคือเรื่องจริง…แต่เรื่องรัก..

“มันก็แค่หยอกล้อ..หึหึหึ”

 

เพลานั้น..ข้าหาได้รู้…ถึงหัวใจตัวเอง..

และเมื่อรู้..ข้าเสียใจกับคำลวงของตนยิ่งนัก

 

 

สิ้นคำขอ..ร่างกำยำเข้าโถมแรงกายที่มีทั้งหมดไปกับขย่ม..ขยำขยี้นักโทษอุกฉกรรจ์จนสาแก่ใจ เตียงเก่าส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดไม่เว้นว่างแม้เพียงเสี้ยววินาที เคล้าคลอด้วยเสียงครางกระเซ้า กรีดร้อง ร่ำไห้ อย่างวาบหวานชวนสดับฟัง

แต่แล้ว..กาลเวลาหาได้หยุดอยู่เพียงราตรี..อรุณรุ่งมาเยือนพร้อมกับแสงตะวันปริ่มขึ้นขอบฟ้า บทเพลงรักอันแสนเร้าร้อนมีอันต้องสิ้นสุดลงอย่างน่าเสียดาย

 

“ข้าเกลียดเจ้า..โลกิ..” ธอร์กระซิบเสียงแหบพร่าข้างหูคนด้านใต้  คำพูดที่ทำให้โลกิรู้สึกทรมานยิ่งกว่าการกระทำต่ำช้า

“ข้า..รัก..เจ้า..” เสียงหวานเอ่ยเอื้อน..แผ่วเบา..ราวกับสายลม…

 

คำกล่าว..จากความจริง…

 

“อย่ามาโกหกข้า!!!” ธอร์ตวาดเสียงดังลั่น มือกระชากเส้นผมสีดำยุ่งขึ้น เหวี่ยงร่างบางลงกระแทกกับพื้น

 

แกร๊ง!!

 

โลกิค่อยๆยันกายอ่อนปวกเปียก โลหิตจากรูจมูกและปากไหลหยด ร่วงหล่นสู่พื้นหยดแล้วหยดเล่า พร้อมๆกับหยดน้ำตาแห่งความเสียใจ   ทว่า..ก่อนที่จะลุกขึ้นมานั่งเต็มตัว กลับถูกฝ่าเท้าหนักเหยียบซ้ำกลางหลังจนต้องล้มหน้ากระแทกพื้นอีกรอบ

“อย่าได้เอ่ยคำพูดที่ไม่คู่ควรกับคนใจทรามเช่นเจ้าอีกเป็นซ้ำสอง!!!เจ้าคนต่ำช้า!!!” คำด่าทอราวกับสาดน้ำกรดลงกลางใจ กัดกร่อนจวนเจียนพังพินาศ ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตา สะกดเสียงสะอื้นและความเจ็บลึกเอาไว้ภายใน

 

 

ประตูปิดสนิทพร้อมการลงกลอน..ความมืดและความเงียบสงัดกลับมาเป็นเพื่อนคอยเคียงข้างอีกครั้ง บุรุษผมสีดำขลับใช้แขนบอบบางยันตัวเองขึ้นมานั่งพิงกำแพง อัญมณีสีเขียวฉายแววอ่อนล้า เหม่อมองประตูเบื้องหน้า..ด้วยหัวใจสลายแหลกเหลว

 

 

ใยข้า..ไม่หลับตา แล้วเข้าสู่นิทราอย่างเป็นนิรันดร์กาล

เลือกจักเพ้อฝัน กับความหวังลมๆแล้งๆงั้นหรือ?

 

ปากสวยเหยียดยิ้มสมเพชเวทนาตัวเอง ก่อนจะค่อยๆซุกหน้าลงกับเข่าทั้งสอง กอดตัวเองแน่นตักตวงความอบอุ่นจากวงแขนกำยำที่ยังติดตรึงบนเรือนร่างไว้..ราวกับว่ามันอาจสูญสลายไปทุกเมื่อหากไม่ทำเช่นนี้

 

“นั่นสินะ..ข้ามันโง่งมงาย” 

นึกถึงคำพูดสั่นเครือ..คำพูดของคนหัวใจสลาย..คำพูดของธอร์ก่อนถูกคำลวงของโลกิกัดกินหัวใจจนดำมืด

 

“ข้าต่างหากที่โง่..ธอร์..”  น้ำเสียงหวานแห้งแหบเอ่ยเบาๆ  พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลรินไปอีกวัน

 

 

TBC

 

1 Comments

ใส่ความเห็น